ตำรายาหมื่นศรี (ที่เล่าต่อกันมา )
ตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมา ทราบว่า หมื่นศรี เจ้าของตำรายานี้ เป็นมหาดเล็กของพระยาศรีธรรม
โศกแห่งนครศรีธรรมราชในสมัยก่อน ตำรายาขนานนี้เป็นตำราที่บันทึกเป็นบทกลอนและหมอยา
คนไทยถิ่นใต้ได้ท่องจำสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
" ............................. ถึงเกยกายก็ไม่สมอารมณ์หวัง
มานอนนิ่งเสียได้ไม่อินัง เอามือรอต่อตั้งไม่นำพา
ตาหมื่นศรีก็เชื่อเหลือปรากฏ จึงได้จดจำไว้ให้เร่งหา
หัวขิงแห้ง รากช้าพลู แห้วหมูมา ทั้งกัญชา ลูกจันท์และพริกไทย
หรดาลกลีบทอง ต้องสำเหนียก ดีปลีเชืยกเหมือนว่าหามาใส่
ครบแปดสิ่งเสมอภาคไม่ยากใจ ใส่ครกใหญ่ตำผงให้จงดี
แล้วเสกด้วยคาถาตรีสิงเห สัมพุทเธให้งามตามดิถี
น้ำผึ้งรวงเป็นกระสายลายทันที เอายานี้กินลองสองสามวัน
คงจะเห็นฤทธาคุณยานี้ ตาหมื่นศรีเจ้ายาอุตส่าห์หมั่น
อายุแกแปดสิบเศษสังเกตกัน ภรรยานั้นมากมายหลายสิบคน
ตาหมื่นศรีกินยาอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่น้อยไม่เท็จคืนเจ็ดหน
ภรรยาออกระอาไปทุกคน ที่เหลือทนก็หนีออกนอกคามา
ถ้าผู้ใดกินยาเหมือนว่าไว้ คงจะได้สมมาตรปรารถนา
ไม่หลอนหลอกบอกชัดตามสัจจา ถ้ามุสาขอให้ตกนรกเอย."
จากบทกลอน ได้กล่าวถึงสมุนไพร 8 ประการ คือ เหง้าขิงแห้ง, รากช้าพลู, แห้วหมู
กัญชา, ลูกจันท์, พริกไทย, หรดาลกลีบทอง, และ ดีปลี (ไทยถิ่นใต้เรียกว่า ดีปลีเชืยก)
หมายความว่า
เอามาทำเป็นผงก่อน แล้วผสมน้ำผึ้งรวงแล้วขณะปรุงยาก็เสกด้วยคาถาตรีสิงเห และสัมพุทเธ ท่านว่ากินเพียง 2-3 วันก็จะรู้ว่ายาดีแค่ไหน
............................................................................................
ต่อไปนี้คือ บทกลอน หรือ คำคล้องจอง ที่ชุมชนปักษ์ใต้สมัยก่อนใช้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสมุน
ไพร ด้วยวิธีท่องจำและบอกต่อๆ (ซึ่ง ผู้เฒ่าแห่งทุ่งปลักเหม็ด ได้ท่องให้ฟังเช่นกัน)
"รุม กุม ขา 2 ขา เดา คนที สองที ขานางแดง "
กลุ่มคำคล้องจอง ที่กล่าวนี้ เมื่อฟังสำเนียงไทยถิ่นใต้จะมีความหมายไปในทางสัปดน แต่ทั้งหมดนี้
คือ ตำรับยาอายุวัฒนะ ที่ประกอบด้วยสมุนไพร ดังนี้ 1. รุม = มะรุม, 2. กุม = กุ่มน้ำ
3. ขา 2 ขา = ข่าใหญ่ และข่าเล็ก 4. เดา = สะเดา, 5. คนที สองที = คนธีดำ และคนธีสอ,
6. ขานางแดง รวมตัวยา ทั้งหมด 8 ชนิด
ตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมา ทราบว่า หมื่นศรี เจ้าของตำรายานี้ เป็นมหาดเล็กของพระยาศรีธรรม
โศกแห่งนครศรีธรรมราชในสมัยก่อน ตำรายาขนานนี้เป็นตำราที่บันทึกเป็นบทกลอนและหมอยา
คนไทยถิ่นใต้ได้ท่องจำสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
" ............................. ถึงเกยกายก็ไม่สมอารมณ์หวัง
มานอนนิ่งเสียได้ไม่อินัง เอามือรอต่อตั้งไม่นำพา
ตาหมื่นศรีก็เชื่อเหลือปรากฏ จึงได้จดจำไว้ให้เร่งหา
หัวขิงแห้ง รากช้าพลู แห้วหมูมา ทั้งกัญชา ลูกจันท์และพริกไทย
หรดาลกลีบทอง ต้องสำเหนียก ดีปลีเชืยกเหมือนว่าหามาใส่
ครบแปดสิ่งเสมอภาคไม่ยากใจ ใส่ครกใหญ่ตำผงให้จงดี
แล้วเสกด้วยคาถาตรีสิงเห สัมพุทเธให้งามตามดิถี
น้ำผึ้งรวงเป็นกระสายลายทันที เอายานี้กินลองสองสามวัน
คงจะเห็นฤทธาคุณยานี้ ตาหมื่นศรีเจ้ายาอุตส่าห์หมั่น
อายุแกแปดสิบเศษสังเกตกัน ภรรยานั้นมากมายหลายสิบคน
ตาหมื่นศรีกินยาอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่น้อยไม่เท็จคืนเจ็ดหน
ภรรยาออกระอาไปทุกคน ที่เหลือทนก็หนีออกนอกคามา
ถ้าผู้ใดกินยาเหมือนว่าไว้ คงจะได้สมมาตรปรารถนา
ไม่หลอนหลอกบอกชัดตามสัจจา ถ้ามุสาขอให้ตกนรกเอย."
จากบทกลอน ได้กล่าวถึงสมุนไพร 8 ประการ คือ เหง้าขิงแห้ง, รากช้าพลู, แห้วหมู
กัญชา, ลูกจันท์, พริกไทย, หรดาลกลีบทอง, และ ดีปลี (ไทยถิ่นใต้เรียกว่า ดีปลีเชืยก)
หมายความว่า
- หัวขิงแห้ง
- รากช้าพลู
- หัวแห้วหมู
- กัญชา
- ลูกจันทร์
- พริกไทย
- หรดาลกลีบทอง
- ดอกดีปลี
เอามาทำเป็นผงก่อน แล้วผสมน้ำผึ้งรวงแล้วขณะปรุงยาก็เสกด้วยคาถาตรีสิงเห และสัมพุทเธ ท่านว่ากินเพียง 2-3 วันก็จะรู้ว่ายาดีแค่ไหน
............................................................................................
ต่อไปนี้คือ บทกลอน หรือ คำคล้องจอง ที่ชุมชนปักษ์ใต้สมัยก่อนใช้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสมุน
ไพร ด้วยวิธีท่องจำและบอกต่อๆ (ซึ่ง ผู้เฒ่าแห่งทุ่งปลักเหม็ด ได้ท่องให้ฟังเช่นกัน)
"รุม กุม ขา 2 ขา เดา คนที สองที ขานางแดง "
กลุ่มคำคล้องจอง ที่กล่าวนี้ เมื่อฟังสำเนียงไทยถิ่นใต้จะมีความหมายไปในทางสัปดน แต่ทั้งหมดนี้
คือ ตำรับยาอายุวัฒนะ ที่ประกอบด้วยสมุนไพร ดังนี้ 1. รุม = มะรุม, 2. กุม = กุ่มน้ำ
3. ขา 2 ขา = ข่าใหญ่ และข่าเล็ก 4. เดา = สะเดา, 5. คนที สองที = คนธีดำ และคนธีสอ,
6. ขานางแดง รวมตัวยา ทั้งหมด 8 ชนิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น