หน้าเว็บ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม


วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2561

หญ้าเทวดา หญ้าปักกิ่ง สมุนไพรไกล้ตัว

หญ้าปักกิ่งสำหรับปลูก
ราคา 50 บาท/ต้น ขั้นต่ำ20 ต้น
โอนเงินก่อน ค่าจัดส่งต่างหาก 150 บาท
ถ้าเก็บปลายทาง เพิ่มค่าบริการเคอรี่ 50 บาท

.
แอดไลน์ 0918712395 เฟส แจ่ม อารมณ์ดี
https://www.facebook.com/jam.aromdee
.....................................







สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง

  • ในประเทศไทยมีผู้นำหญ้าปักกิ่งมาใช้เพื่อรักษาอาการของโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในลำคอ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia – ลูคีเมีย) เป็นต้น ด้วยการนำหญ้าปักกิ่ง 6 ต้น ที่ล้างน้ำสะอาดแล้ว นำมาปั่นหรือตำให้แหลก เติมน้ำ 4 ช้อนโต๊ะ แล้วคั้นเอาแต่น้ำแบ่งครึ่ง ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วโมงและช่วงก่อนนอนรวมเป็น 2 ครั้ง (ทั้งต้น)[1],[4],[9]
  • ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ด้วยการรับประทานยา (น้ำคั้นหญ้าปักกิ่ง) นี้ไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ และควรมีช่วงหยุดยา โดยให้รับประทานยาติดต่อกัน 5-6 วัน แล้วให้หยุดยา 4-5 วัน ทำเช่นนี้จนครบกำหนด (ทั้งต้น)[6]
  • ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น บำรุงพลัง และช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ทั้งต้น)[9]
  • ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการนำหญ้าปักกิ่งที่ถอนสด ๆ รวมราก มาล้างให้สะอาด นำมาต้มกับน้ำ หลังเดือดแล้วให้เติมน้ำผึ้งพอประมาณ ใช้ดื่มวันละ 3 เวลา จะช่วยทำให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ (ทั้งต้น)[11]
  • ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลด เมื่อใช้สมุนไพรหญ้าปักกิ่ง จะพบว่าเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น (ทั้งต้น)[6]
  • หมอยาพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาเบาหวาน (ทั้งต้น)[5],[7]
  • ช่วยป้องกันและบำบัดโรคความดันโลหิตสูงและต่ำ (ทั้งต้น)[9]
  • ช่วยป้องกันและบำบัดโรคไทรอยด์ (ทั้งต้น)[9]
  • ดอกมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ (ดอก)[12]
  • หญ้าปักกิ่งทั้งต้นมีรสจืดชุ่ม เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ต่อปอด มีสรรพคุณช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้เด็กตัวร้อน เป็นไข้ แก้ร้อนในปอด (ทั้งต้น)[2]

  • ตำรายาจีนจะใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาและบรรเทาอาการของโรคในระบบทางเดินหายใจ (ทั้งต้น)[3],[5]
  • ใช้เป็นยาแก้ไอ (ทั้งต้น)[2]
  • หญ้าปักกิ่งมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการเจ็บคอ (ทั้งต้น)[1],[2]
  • ใช้เป็นยาแก้ร้อนในปอด (ทั้งต้น)[2]
  • ต้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคกระเพาะอาหารและลำไส้ (ต้น)[12]
  • ใช้เป็นยาแก้บิด (ทั้งต้น)[2]
  • ใช้รักษาโรคโกโนเรีย (หนองในแท้) ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาต้มกินกับน้ำผึ้ง (ทั้งต้น)[4]
  • ใช้เป็นยาแก้ฝีภายในหรือภายนอกที่มีหนองบวมอักเสบ (ทั้งต้น)[2]
  • ช่วยแก้ไตอักเสบ (ดอก)[12]
  • สำหรับผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง การใช้สมุนไพรชนิดนี้ พบว่าจะทำให้ให้แผลแห้ง ไม่มีหนองและน้ำเหลือง (ทั้งต้น)[6]
  • ใช้เป็นยาแก้อักเสบ ปวดบวม ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำพอกบริเวณที่เป็น (ทั้งต้น)[4]
  • ยาจีนจะใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยาขับพิษ กำจัดพิษ ล้างพิษที่ตกค้างออกจากร่างกาย (ทั้งต้น)[3],[5],[9]
  • ใช้ป้องกันสารพัดโรค ด้วยการรับประทานหญ้าปักกิ่งสด ๆ (ที่ล้างสะอาดแล้ว) หรือปรุงเป็นอาหารจิ้มกินกับน้ำพริกก็ได้ โดยให้รับประทานวันละ 14 วัน (ใบ)[11]
  • มีการใช้หญ้าปักกิ่งเป็นส่วนประกอบในยาแผนโบราณของจีนมานานกว่า 1,000 ปีแล้ว โดยนำมาใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยเพิ่มความสมดุลของระบบในร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวในร่างกาย (ทั้งต้น)[7]
  • หญ้าปักกิ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับและม้าม (ทั้งต้น)[7]
  • นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่ระบุถึงสรรพคุณของหญ้าปักกิ่งไว้อีกหลายอย่าง เพียงแต่ข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้ จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าหญ้าปักกิ่งจะมีสรรพคุณตามนั้นหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลได้ระบุสรรพคุณนอกจากที่ผมกล่าวมาแล้วว่า หญ้าปักกิ่งสามารถช่วยบำรุงหัวใจ รักษาโรคโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แก้ไมเกรน ภูมิแพ้ ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ทำให้น้ำเหลืองแห้ง และยังสามารถนำหญ้าปักกิ่งมาตำพอกรักษาแผลต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น เริม งูสวัด แผลเบาหวาน เป็นต้น (ข้อมูลส่วนนี้ผมอ่านเจอจากเว็บไซต์ที่จำหน่ายสมุนไพรหญ้าปักกิ่งนะครับ)
  • หมายเหตุ : การเก็บมาใช้ให้ใช้ทั้งต้น (เฉพาะส่วนที่อยู่เหนือดิน คือ ลำต้นและใบ) ที่มีอายุประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไป หรือตั้งแต่เริ่มออกดอก[6] ส่วนวิธีการใช้หญ้าปักกิ่งตาม [2] ถ้าเป็นยาแห้งให้ใช้เพียงครั้งละ 10-15 กรัม แต่ถ้าเป็นต้นสดให้ใช้ครั้งละ 20-30 กรัม นำมาต้มกับน้ำหรือนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำรับประทาน[2]

.



วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เมล็ดถั่วดาวอินคาคัดพิเศษ(สำหรับเพาะเมล็ด)

เมล็ดถั่วดาวอินคาคัดพิเศษ(สำหรับเพาะเมล็ด)
กล้าต้นละ 35 บาท(ยังไม่ได้รวมค่าขนส่ง)
แปลงใหญ่ กล้าต้นละ 25บาท(ยังไม่ได้รวมค่าขนส่ง)
ราคาเมล็ดละ........................บาท
ราคากิโลลกรัมละ...................บาท
ราคายังไม่รวมส่ง
0809898770






1.เมล็ดถั่วไม่ควรกินเกิน3-5เมล็ด    
2.ยอดอ่อนหรือใบของต้นถั่วไม่ควรกินสด ควรเอามาลวกน้ำเดือดก่อนหรือผัดก็ได้   
3.ใบขของถั่วที่เอาไปตากแห้งแล้วสามารถชงชาได้  
4. คนที่จะกินชาหรือผลิตภัณฑ์ถัวดาวอินคาควรเป็นบุคคลที่มีความดันสูงหรือเป็นเบาหวาน  คนที่มีความดันต่ำไม่ควรรับปทาน   
5. คนที่ทานถั่วหรือชาดาวอินคามักจะเข้าห้องน้ำบ่อย เรื่องนี้จริง

#ข้อควรระวังในการดื่มชาดาวอินคา
-สตรีกำลังตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก ไม่ควรดื่ม
-ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ ไม่ควรดื่ม
-ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ธาลัสซีเมีย โลหิตจาง  ไม่ควรดื่ม
-ผู้ป่วยในระยะรักษาตัว เช่น มะเร็ง ไข้เลือดออก ไม่ควรดื่ม
-ผู้ป่วยโรคตับ ไม่ควรดื่ม

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เมล็ดมะเขือพวง

เมล็ดมะเขือพวง
100 เมล็ด 120 บาท รวมส่ง
เก็บเงินปลายทางเพิ่มค่าบริการเคอรี่ 40 บาท
โทร+ไลน์ 0809898770
..............................
เมล็ดพันธ์จากสวนเอง ใหม่สด ไม่มีค้างเก่าเก็บ








กล้าต้นยอ-เมล็ดพันธ์ต้นยอ

เมล็ดยอ

100 เมล็ด/ซอง
ราคา 120 บาท รวมส่งเก็บปลายทาง(ค่าส่ง+ปลายทาง 60 บาทแล้ว)
ที่สวนรวบรวมเมล็ดเอง ใหม่ สด

...............................
ราคาต้นกล้ายอ สูงไม่เกิน 1ฟุต(เฉลี่ย)
กล้าจะมี 2ขนาด เล็กกับใหญ่
 ต้นๆละ  15-20บาท

ราคายังไม่ได้รวมค่าขนส่ง
................................
แอดไลนฺ 0918712395
โทร 0809898770



...............................
ราคายอตากแห้ง อยู่ระหว่าง ตันละ
10000-50000 บาท แล้วแต่สภาวะความต้องการของตลาด
ลูกเชียว ลูกแก่ หั่นตากแดดไว้ เก็บรอราคา
ลูกสุก ใช้ไม่ได้



























1.ลูกยอแก่จัด เก็บมาวางให้สุกเกือบเน่า
2.ขยำ แล้วผึ่งในร่ม ให้แห้งสนิท
3.ขยี้แยกเอาเมล็ดออก
4.เอาที่ตัดเล็บ ตัดที่ปลายเมล็ดยอออก
5.เอาไปแช่น้ำอุ่น 24 ชม โดยประมาณ มันจะงอก
6.ก็เอาไปเพาะ ลงถุง 
7.การเพาะอาจใช้เวลาเป็นเดือน นั่นหมายความว่า ไม่เหมาะกับการเพาะในถาดหลุม
..................
ควรลงถุงที่มีความยาวมากกว่า4-5 นิ้ว
..................
เมล็ดยอมีขาย เอาไปทำพันธ์กันได้ ปลูกแล้ว ก็เก็บเกี่ยวกินไปนานหลายปี

เมล็ดพันธ์กระเจี๊ยบพันธ์ซูดาน

เมล็ดพันธ์กระเจี๊ยบพันธ์ซูดาน ดอกใหญ่ น้ำหนักดี
  • ราคากิโลกรัมละ 350 บาท 
โทร+ไลน์ 0918712395-0809898770











































  • สำหรับการปลูกกระเจี๊ยบในระบบเกษตรแปลงใหญ่























  • กระเจี๊ยบแดง พันธุ์ที่นิยมปลูกคือ พันธุ์ซูดานหรือพันธุ์เกษตร 
  • กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชไวต่อแสง
  • เป็นพืชวันสั้นขึ้นได้ในดินทุกชนิด
  • ปลูกได้ทั่วไปชอบอากาศร้อนหรือค่อนข้างร้อน 
  • อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ18-25องศาเซลเซียส
  • กระเจี๊ยบแดงต้องการน้ำในช่วง 1เดือนแรกไม่ควรเป็นที่น้ำขัง น้ำท่วม 
  • เป็นพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ5เดือน
  • การปลูกกระเจี๊ยบแดงควรปลูกในช่วง ปลายกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม
  • ออกดอกในระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายนแล้วเก็บผลที่แก่จัดไปได้จนถึงกลาเดือนธันวาคม
ภาพจากที่สวนเลย



  • เตรียมดินก็เหมือนกับพืชไร่ทั่วไป ไถพรวน ใส่ปุ๋ยคอก ปรับพีเอชดิน
  • ปลูกโดย หยอดเมล็ดในหลุมหรือเปิดร่องเล็กๆแล้วหยอดเมล็ดหลุมละ4-5เมล็ด(เหมือนปลูกข้าวโพด)
  • ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-70-80 เซนติเมตร
  • ระยะระหว่างแถวห่าง 120-150 เซนติเมตรแล้วกลบดินเล็กน้อย
  • หลังจากกระเจี๊ยบแดงงอกแล้ว ประมาณ3-4สัปดาห์ให้เลือกถอนต้นอ่อนที่ไม่แข็งแรงออกให้เหลือไว้หลุมละ2-3 ต้นเพื่อไม่ให้แน่นมาก
  • ถ้าไม่จำเป็น อย่าใช้วิธีหว่าน เพราะจะบริหารจัดการ ยากมาก ในเรื่องการดูแล

 

  • กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชที่ปลูกง่าย เพียงให้น้ำสม่ำเสมอในช่วง 1-2 เดือนแรก และให้น้ำบ้างเมื่อฝนทิ้งช่วงประมาณสัปดาห์ละ 1ครั้ง
  • กำจัดวัชพืชประมาณ 2-3 ครั้ง พร้อมการถอนแยก
  • ต้นกระเจี๊ยบแดงมีอายุ 1เดือนและ 2เดือนควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15อัตรา 50กิโลกรัมต่อไร่ โดยแบ่งใส่ 2ครั้งหลังกำจัดวัชพืชเมื่อดินมีความชื้น

.............................

  • โรคที่สำคัญ โรคใบจุด โรคฝักจุดหรือฝักลายโรคแอนแทรคโนส
  • การป้องกันกำจัดให้ใช้บาซิลลัสพ่นในอัตรา 30-50กรัมต่อน้ำ 20ลิตร
  • แมลงศัตรูที่สำคัญ หนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้ายเพลี้ยไฟเพลี้ยอ่อนเพลี้ยจักจั่นฝ้าย 
  • การป้องกันกำจัดใช้เชื้อBT ในอัตรา60-80กรัมต่อน้ำ 20ลิตรหรือใช้สารธรรมชาติเช่นเมล็ดสะเดาพ่นในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
  • อาจปล่อยแมลงศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืช เช่นแมลงช้างปีกใส ด้วงเต่าตัวห้ำเป็นต้น

.............................
การเก็บเกี่ยว

  • ระยะที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวคือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมการเก็บเกี่ยวกระเจี๊ยบแดงทำได้
  •  2 วิธี  เก็บเกี่ยวเฉพาะดอกกระเจี๊ยบแดงที่แก่ ใช้กรรไกร-มีดตัดเฉพาะดอกที่แก่ ขนย้ายออกจากแปลง
  • เก็บเกี่ยวทั้งต้นโดยใช้เคียวเกี่ยวกิ่งที่มีดอกบริเวณโคนกิ่งและนำมาปลิดผลทีหลัง วิธีนี้จะเก็บเกี่ยวได้รวดเร็ว ระวังดอกอาจหลุดร่วงระหว่างขนย้าย

............

  • นำดอกกระเจี๊ยบแดงที่ได้ไปแทงเมล็ดออก โดยใช้แทงโลหะกลวงปลายหยัก แทงบริเวณขั้วดอกให้ฝักหุ้มเมล็ดหลุดจากกลีบเลี้ยง 
  • ควรทำให้เสร็จภายใน 48 ชั่วโมงหลังเก็บเกี่ยว
  • นำไปตากแดด4-7 วันจนแห้งสนิทจากนั้นจึงบรรจุในกระสอบป่าน  แล้วเอาไปขาย
  • ไม่ควรเก็บไว้นานกว่า 2เดือนเนื่องจากน้ำหนักอาจลดลงหรือเกิดเชื้อราได้

..........................
ดอกกระเจี๊ยบแดงเป็นสมุนไพรที่แนะนำให้ใช้เพื่อบรรเทาอาการขัดเบาและรักษาโรคนิ่ว 
โดยใช้ดอกกระเจี๊ยบแดงที่ตากแห้งและบดเป็นผงครั้งละ 1 ช้อนชา ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย ทิ้งไว้ 5-10 นาที รินเฉพาะน้ำสีม่วงแดงใส ดื่มวันละ 3ครั้งติดต่อกันทุกวันจนกว่าจะหาย
ดอกกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตต้านอาการอักเสบช่วยละลายไขมันในเลือด เป็นยากัดเสมหะขับเมือกมันในลำไส้

ข้อควรระวังในการใช้ : เนื่องจากกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆอาจทำให้ผู้ที่ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงเกิดอาการท้องเสียได้เล็กน้อย
...
ขอบคุณข้อมูลดีในโลก ออนไลน์ ที่ทำไห้เกษตรกรได้เรียนรู้อาชีพ














...............................