ผลงานวิจัยเพื่อสังคม
ครีมตรีผลา จากงานวิจัย สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรครีมบำรุงผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส
นพมาศ สุนทรเจริญนนท์
ที่มา
ปัจจุบันคนไทยมักเกิดฝ้า กระ หรือริ้วรอยหมองคล้ำ อันเนื่องมาจากรังสีอุลตร้าไวโอเลตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวจากสารธรรมชาติได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสารทำให้ผิวขาวหลายชนิดจะมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและ/หรือฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงส่งผลให้การสร้างเมลานินในผิวหนังลดลงและทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นกว่าเดิม สารสกัดจากธรรมชาติที่ทำให้ผิวกระจ่างใส ได้แก่ สารสกัดเปลือกสน สารสกัดเมล็ดองุ่น สารสกัดเมล็ดลำไย สารสกัดเมล็ดลิ้นจี่ สารสกัดรังไหม สารสกัดใบหม่อน สารสกัดแก่นมะหาด สารสกัดผลมะขามป้อม และสารสกัดรากชะเอมเทศ เป็นต้น สารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้มีศักยภาพสูงในการนำไปเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทำให้หน้าขาว
ครีมตรีผลา จากงานวิจัย สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรครีมบำรุงผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส
นพมาศ สุนทรเจริญนนท์
ที่มา
ปัจจุบันคนไทยมักเกิดฝ้า กระ หรือริ้วรอยหมองคล้ำ อันเนื่องมาจากรังสีอุลตร้าไวโอเลตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวจากสารธรรมชาติได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสารทำให้ผิวขาวหลายชนิดจะมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสและ/หรือฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงส่งผลให้การสร้างเมลานินในผิวหนังลดลงและทำให้ผิวพรรณกระจ่างใสขึ้นกว่าเดิม สารสกัดจากธรรมชาติที่ทำให้ผิวกระจ่างใส ได้แก่ สารสกัดเปลือกสน สารสกัดเมล็ดองุ่น สารสกัดเมล็ดลำไย สารสกัดเมล็ดลิ้นจี่ สารสกัดรังไหม สารสกัดใบหม่อน สารสกัดแก่นมะหาด สารสกัดผลมะขามป้อม และสารสกัดรากชะเอมเทศ เป็นต้น สารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้มีศักยภาพสูงในการนำไปเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทำให้หน้าขาว
ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้นได้อย่างไร
ผิวหนังที่ปกคลุมร่างกายมีเม็ดสี ที่เรียกว่า “เมลานิน” ทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังจากการถูกทำลายด้วยแสงแดด และเป็นสารสำคัญที่ทำให้เกิดสีที่ผิวหนัง สีผิวของคนเราจะแตกต่างกันแล้วแต่เชื้อชาติและกรรมพันธุ์ โดยอาศัยกระบวนการในการสร้างเม็ดสีในร่างกาย เรียกว่า melanogenesis เมลานินถูกสร้างในออกาแนลสีน้ำตาลที่มีชื่อว่า melanosome ที่อยู่ใน cytoplasm ของเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte) และมีเอนไซม์ที่มีทองแดงเป็นส่วนประกอบอยู่ในโมเลกุล ชื่อ tyrosinase เป็นตัวสำคัญในการควบคุมการสร้างเมลานินโดยเป็นเอนไซม์ออกซิเดส ที่จะช่วยเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันของ tyrosine เป็น dopa และ dopa เป็น dopaquinone ด้วยปฏิกิริยา oxidation และ dehydrogenation ตามลำดับ ตามด้วยการเปลี่ยน dopaquinone ผ่าน intermediate อีกหลายตัวแล้วเกิด polymerization ให้สารที่ไม่ละลายที่สามารถจับกับโมเลกุลของโปรตีนได้อย่างแน่นหนาโดย sulhydryl bond เกิดเป็น melanoprotein melanin polymer ทำให้สีผิวเข้มขึ้น1สารที่ใช้เป็น Whitening agent (Lightening agent)
สารจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวขาว (Whitening agent) สามารถแบ่งได้ตามกลไกทางชีวเคมี ดังนี้- กดความสามารถของเอนไซม์ไทโรซิเนส ได้แก่ สารกลุ่ม lactic acid และ lactates ซึ่งเป็นกรดชนิดหนึ่งในกลุ่มกรด AHA (Alpha-hydroxy acid) ที่ทำมาจากนม สาร isoimperatorin และ imperatorin เป็นสารที่สกัดจาก โกฐสอ (Angelica dahurica)
- ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ได้แก่ สาร ?-Arbutin สกัดจาก bearberry (Arctostaphylos uva ursi) เป็น hydroquinone glycoside ชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ดีกว่า kojic acid และ วิตามินซี (ascorbic acid) สาร kojic acid เป็นผลผลิตจาก fungal metabolite สารสกัดจากรากของ Paper mulberry (Broussonetia kazinoki x B. papyrifera, วงศ์ Moraceae) สาร ellagic acid เป็นสารที่ได้มาจากทับทิม และเมล็ดลำไย และสาร curcurmin และอนุพันธ์กึ่งสังเคราะห์ คือ tetrahydrocurcurmin เป็นสารสกัดจากขมิ้นชัน (Curcuma longa L.) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์เอนไซม์ไทโรซิเนสและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย2-11
สารต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ คือ อะตอมหรือโมเลกุลที่มีอิเล็คตรอนไม่เป็นคู่ อยู่ในวงอิเล็คตรอนวงนอกสุด (outer orbital) เนื่องจากการมีอิเล็กตรอนที่โดดเดี่ยว (unpaired electron) อยู่ในวงโคจรของโมเลกุลทำให้ไม่เสถียร ทำให้อนุมูลอิสระเป็นสารที่มีความไวในการเข้าทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสารอื่นสูงมาก โดยอนุมูลอิสระจะไปแย่งจับหรือดึงเอาอิเล็กตรอนจากโมเลกุลหรืออะตอมสารที่อยู่ข้างเคียงเพื่อให้ตัวมันเสถียร โมเลกุลที่อยู่ข้างเคียงที่สูญเสียหรือรับอิเล็กตรอนจะกลายเป็นอนุมูลอิสระชนิดใหม่ ซึ่งอนุมูลอิสระที่เกิดมาใหม่นี้จะไปทำปฏิกิริยากับสารโมเลกุลอื่นต่อไป เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (chain reaction) ต่อกันไปเรื่อยๆ โดยที่อนุมูลอิสระก็มีสมบัติเหมือนสารทั่วๆไป ตรงที่ความสามารถในการเข้าทำปฏิกิริยากับสารอื่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามอุณหภูมิ ความเป็นกรดด่าง (pH) และความชื้น เป็นต้น เชื่อกันว่าอนุมูลอิสระ มีผลต่อการอักเสบ และการทำลายเนื้อเยื่อในระยะสั้น ระยะยาว อาจมีผลต่อความเสื่อมหรือการแก่ของเซลล์ และอาจเป็นสารก่อมะเร็ง และโรคหัวใจ ต้อกระจก สารต้านอนุมูลอิสระพบได้มากในผักและผลไม้บางชนิด จึงมีการสนับสนุนให้ทานสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากชึ้น โดยมีความเชื่อว่าอาจลดภาวะโรคต่างๆดังกล่าว และลดความแก่ ความเสื่อมของเซลล์ ในมิติของเครื่องสำอาง เชื่อว่าเครื่องสำอางที่ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จะมีส่วนช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร12ครีมตรีผลา
สมุนไพรตรีผลา ประกอบด้วยสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม เป็นสมุนไพรกลุ่มใหม่ที่สามารถจะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ และทำให้ผิวกระจ่างใสได้ ทั้งนี้เนื่องจากสมุนไพรทั้งสามชนิดนี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี ซึ่งจากผลงานวิจัยของ นพมาศ สุนทรเจริญนนท์และคณะ (2547) พบว่าสารสกัดน้ำของสมุนไพรตรีผลามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (ในหลอดทดลอง) ได้ดีกว่าสารมาตรฐาน BHT, BHA, vitamin C นอกจากนี้ยังพบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อเกิดโรคที่ผิวหนังได้ และสมุนไพรตรีผลาเป็นสมุนไพรที่มีการใช้อย่างมากในประเทศอินเดีย เป็นตำรับยาอายุรเวท ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกายและอีกหลายโรค ในประเทศไทยมีสมุนไพรตรีผลาที่สามารถพบได้ในป่า และพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง มะขามป้อม เป็นสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านเอนไซม์ไทโรซิเนส มากกว่าสมอไทย และสมอพิเภก ปัจจุบันในท้องตลาดก็มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของมะขามป้อมเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนผสมของสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด (ตรีผลา) ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมุ่งวิจัยครีมตรีผลาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภค งานวิจัยนี้ได้ทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและเอนไซม์ไทโรซิเนสของสมุนไพรตรีผลา คือ มะขามป้อม (Phyllanthus emblica L.), สมอไทย (Terminalia chebula Retz.) และ สมอพิเภก (Terminalia bellirica Roxb.) พบว่าสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้น้อยกว่าสารเปรียบเทียบเล็กน้อย (Vitamin C) โดยมะขามป้อมมีฤทธิ์ดีที่สุด (ค่า ED50 ของ Vitamin C, มะขามป้อม, สมอพิเภก, และสมอไทย เท่ากับ 1.78, 2.28, และ 5.06 ?g/ml, ตามลำดับ) และมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้น้อยกว่าสารมาตรฐาน kojic acid โดยสมอพิเภกมีฤทธิ์ดีที่สุด (ค่า ED50 ของ kojic acid, สมอพิเภก, สมอไทย, มะขามป้อม เท่ากับ 0.04, 1.18, 1.50, 1.75 ?g/ml, ตามลำดับ) และผลตรวจสอบทางเคมีเบื้องต้นพบว่า สมุนไพรทั้ง 3 ชนิด ประกอบด้วยสารกลุ่ม hydrolyzable tannins, alkaloids และ coumarins และปริมาณสาร gallic acid (โดยวิธี High Pressure Liquid Chromatography) ในสารสกัดมะขามป้อม สมอพิเภก และสมอไทย มีค่าเท่ากับ11.72, 6.90, 3.88%w/w ตามลำดับ หลังจากนั้นเตรียมสารสกัดตรีผลาเป็น 2 สูตร คือ สูตรที่ 1 ประกอบด้วย มะขามป้อม:สมอพิเภก:สมอไทย อัตราส่วน 3:2:1 และสูตรที่ 2 อัตราส่วน 1:1:1 แล้วนำไปทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส พบว่า สูตรที่ 1 มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ได้ดีกว่าสูตรที่ 2 สารสกัดตรีผลาสูตรที่ 1 มี % gallic acid เท่ากับ 9.86 % สูตรที่ 2 มีปริมาณ 8.43 % ส่วนการเตรียมครีมตรีผลา ได้เตรียมด้วยกระบวนการที่ใช้ความร้อน และไม่ใช้ความร้อน โดยเตรียมเป็น 4 ความเข้มข้นคือ 0.05%, 0.1%, 0.2% และ 0.5% แล้วทดสอบลักษณะทางกายภาพและเคมีของตำรับครีมตรีผลา และทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ พบว่าตำรับครีมตรีผลา สูตรที่ 1 ความเข้มข้น 0.2% มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุด และเหมาะเป็นครีมที่จะพัฒนาต่อไปเป็นครีมบำรุงผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส13 งานวิจัยนี้ถือได้ว่าเป็นงานวิจัยที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสมุนไพรที่มีในประเทศไทย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสมุนไพร และเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศให้ยังอยู่ต่อไปเอกสารอ้างอิง
- นันทนา พฤกษ์คุ้มวงศ์, บรรณาธิการ. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางผิวหนัง. กรุงเทพฯ: อาร์พิดดี, 2533.
- วิฑูรย์ กรชาลกุล สมศักดิ์ ปราชญ์วัฒนกิจ. การตั้งตำรับครีมช่วยให้หน้าขาว. โครงการพิเศษปริญญาเภสัชศาสตร์บัณฑิต. กรุงเทพฯ: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2534.
- Smit N, Vicanova J, Pavel S. The hunt for natural skin whitening agents. Int J Mol Sci 2009; 10: 5326-49.
- Cho YH, Kim JH, Park SM, Lee B, Pyo HB, Park HD. New cosmetic agents for skin whitening from Angelica dahurica. J Cosmet Sci 2006; 57(1): 11-21.
- Boissy RE, Visscher M, Delong MA. Deoxy arbutin: a novel reversible tyrosinase inhibitor with effective skin lightening potency. Exp Dermatol 2005; 14(8): 601-8.
- Nohynek GL, Kirkland D, Marzin D, Toutain H, Leclerc-Ribaud C, Jinnai H. An assessment of the genotoxicity and human health risk of topical use of kojic acid. Food Chem toxicol 2004; 42(1): 93-105.
- Shibuya T, Murota T, Sakamoto K, Ivahara H, Ikino M. Mutagenicity and dominant lethal test of kojic acid. J Toxicol Sci 1998; 7(4): 255-62.
- Kameyama K, Sakai C, Kondoh S. Inhibitory effect of magnesium L-ascorbyl-2-phosphate (VC-PMG) on melanogenesis in vitro and in vivo. J Am Acad Dermatol 1996; 34(1): 29-33.
- Wang CC, Wu SM. Simultaneous determination of L-ascorbic acid, ascorbic acid-s-phosphate magnesium salt, and ascorbic acid-6-palmitate in commercial cosmetics by micellar electrokinetric capillary electrophoresis. Anal Chim Acta 2006; 576(1): 124-9.
- Yoshimura M, Watanabe Y, Kasai K. Inhibitory effect of an ellagic acid-rich pomegranate extract on tyrosinase activity and ultraviolet-induced pigmentation. Biosci Viotechonol Biochem 2005; 69(12): 2368-73.
- วราภรณ์ จรรยาประเสริฐ. เครื่องสำอางทำให้ผิวขาว. กรุงเทพ: ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2550.
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ทบทวนเอกสาร. Avialiable at: http://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2551/biol0451tp_ch2.pdf . Accessed July, 15, 2013.
- ปฏิมา บุญมาลี ปัทมา เทียนวรรณ. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและเอนไซม์ไทโรซิเนสของครีมตรีผลา. โครงการพิเศษปริญญาเภสัชศาสตร์บัณฑิต. กรุงเทพฯ: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2556.
ที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น