ชื่อยาลูกยอ
เป็นตำรับยาที่หลวงพ่อโอภาษีได้มาจากพระครูนนท์ วัดใต้ปากพนังซึ่งมีอายุถึง 105 ปี เป็นผู้มอบให้ มีส่วนประกอบดังนี้
เอายาทั้งหมดตากแดด ให้แห้ง แล้วบดเป็นผงรวมกัน ผสมกับน้ำผึ้ง
ผ่านไป 1 เดือนโรคภัยจะหายสิ้น ผิวพรรณวรรณะจะกลับดูเหมือนหนุ่มสาว
.......................
ยาดำ คืออะไร ใน ตำหรับยาโบราณ
ยาดำได้จากการตัดใบว่านหางจ ระเข้บริเวณส่วนโคนใบที่อยู ่ใกล้กับผิวดิน จะมีน้ำยางสีเหลืองที่อยู่ร ะหว่างผิวนอกของใบกับวุ้น ไหลออกมา รวบรวมน้ำยางสีเหลืองใส่ภาช นะ นำน้ำยางสีเหลืองที่รวบรวมไ ด้ไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนข้นเหนียว แล้วผึ่งแดดให้แห้ง จะแข็งกลายเป็นก้อนสีดำ กลิ่นไม่ชวนดม รสขม ใช้เป็นยาได้
ยาดำเป็นยางที่แข็งเป็นก้อน มีสีแดงน้ำตาลจนถึงดำ เปราะ ผิวมัน ทึบแสง รสขมเหม็นเบื่อ ชวนคลื่นไส้อาเจียน กลิ่นฉุน เรียกว่า “ ยาดำ “ ใช้เป็นยาระบาย และมักจะใช้แทรกในตำรับยาแผ นโบราณที่ต้องการให้มีการระ บายให้มีการระบายหลายตำรับ จนกระทั่งมีคำพังเพยว่า ”แทรกเป็นยาดำ”
ในตำรายาไทยก่อนจะนำยาดำไปใ ช้จะต้องนำไปสะตุก่อน เพื่อลดฤทธิ์ให้อ่อนลงและช่ วยให้ยาสะอาดขึ้นด้วย วิธีการสะตุยาดำ คือ นำยาดำไปตำให้ละเอียดเป็นผง จากนั้นนำกระทะตั้งเตาจนร้อ น ค่อยๆ โรยยาดำลงในกระทะ แล้วใส่น้ำเล็กน้อย เมื่อกระทะร้อนจะสังเกตได้ว ่ายาดำจะเดือด และกลายเป็นยางเหนียวๆ รอดูจนน้ำค่อยๆ แห้ง จึงขูดเอายาดำออกจากกระทะ เก็บไว้ทำยา
ยาดำ
สรรพคุณ:
แก้โรคท้องผูก โดยกระตุ้นลำไส้และทางเดินอ าหารให้บีบตัว ใช้เป็นยาแทรกในยาระบายหลาย ตำรับ จนกระทั่งมีคำพังเพยว่า “แทรกเป็นยาดำ” หมายถึงแทรกหรือปนอยู่ทั่วไ ป เป็นยาถ่าย ถ่ายลมเบื้องสูงลงสู่เบื้อง ต่ำ กัดฟอกเสมหะและโลหิต ถ่ายพิษไข้ ถ่ายพยาธิตัวตืด ไส้เดือน ขับน้ำดี มีฤทธิ์ไซร้ท้อง ฝนกับเหล้าขาวทาหัวฝี ทาแก้ฟกบวม
ก่อนนำมาใช้ ต้องทำการสะตุเพื่อฆ่าพิษ เรียกว่าการสะตุ ตามขั้นตอนดังนี้
การฆ่าฤทธิ์ (การฆ่า), การสะตุ --- การสะตุยาดำ
ขั้นตอนการสะตุยาดำ
1. เตรียมยาดำที่ต้องการสะตุ
2. ทำความสะอาดกะทะเหล็กให้สะอ าด แล้วนำไปตั้งไฟให้ร้อน
3. ตักยาดำ ประมาณ 1 ช้อน โรยลงไปในกะทะที่ร้อน
4. ขณะที่โรยยาดำ ให้คนยาดำไปด้วย
5. ยาดำ เมื่อโดนความร้อน จะเกิดควันสีขาว ระวังอย่าใช้ไฟแรง เพราะจะทำให้ไหม้
6. เมื่อยาดำจับตัวเป็นก้อน แล้วให้ตักออก
7. ยาดำที่ได้จากการสะตุ จะมีความเงาลดลง จับตัวเป็นก้อน น้ำหนักเบา
ยาดำ ใช้เป็นยาถ่าย ยาดำขนาด 0.25 กรัม เท่ากับ 250 มิลลิกรัม (ขนาดรับประทานเท่า 1 เมล็ดถั่วเขียว) ยานี้ทำให้เกิดอาการไซ้ท้อง ได้ เพราะยาจะบีบลำไส้อย่างมาก
ในตำรายาไทยก่อนจะนำยาดำไปใ ช้จะต้องนำไปสะตุก่อน เพื่อลดฤทธิ์ให้อ่อนลงและช่ วยให้ยาสะอาดขึ้นด้วย วิธีการสะตุยาดำ คือ นำยาดำไปตำให้ละเอียดเป็นผง จากนั้นนำกระทะตั้งเตาจนร้อ น ค่อยๆ โรยยาดำลงในกระทะ แล้วใส่น้ำเล็กน้อย เมื่อกระทะร้อนจะสังเกตได้ว ่ายาดำจะเดือด และกลายเป็นยางเหนียวๆ รอดูจนน้ำค่อยๆ แห้ง จึงขูดเอายาดำออกจากกระทะ เก็บไว้ทำยา
อ่านเพิ่มเติมเรื่องยาดำ http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=112
ข้อมูลอ้างอิง
เอกสารขั้นตอนการสะตุยาดำ จาก www.samunpri.com
เป็นตำรับยาที่หลวงพ่อโอภาษีได้มาจากพระครูนนท์ วัดใต้ปากพนังซึ่งมีอายุถึง 105 ปี เป็นผู้มอบให้ มีส่วนประกอบดังนี้
- เถาบอระเพ็ด 6 บาท
- หัวกระเทียม 3 บาท
- พริกไทยล่อน 2 บาท
- เหง้าขิงแห้ง 1 บาท
- ยาดำ 3 บาท
- ลูกยอหนักเท่ายาทั้งหมดรวมกัน
เอายาทั้งหมดตากแดด ให้แห้ง แล้วบดเป็นผงรวมกัน ผสมกับน้ำผึ้ง
- กินก่อนอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ 2 เม็ดพุทรา หรือขนาดปลายนิ้วก้อย
ผ่านไป 1 เดือนโรคภัยจะหายสิ้น ผิวพรรณวรรณะจะกลับดูเหมือนหนุ่มสาว
.......................
ยาดำ คืออะไร ใน ตำหรับยาโบราณ
ยาดำได้จากการตัดใบว่านหางจ
ยาดำเป็นยางที่แข็งเป็นก้อน
ในตำรายาไทยก่อนจะนำยาดำไปใ
ยาดำ
สรรพคุณ:
แก้โรคท้องผูก โดยกระตุ้นลำไส้และทางเดินอ
ก่อนนำมาใช้ ต้องทำการสะตุเพื่อฆ่าพิษ เรียกว่าการสะตุ ตามขั้นตอนดังนี้
การฆ่าฤทธิ์ (การฆ่า), การสะตุ --- การสะตุยาดำ
ขั้นตอนการสะตุยาดำ
1. เตรียมยาดำที่ต้องการสะตุ
2. ทำความสะอาดกะทะเหล็กให้สะอ
3. ตักยาดำ ประมาณ 1 ช้อน โรยลงไปในกะทะที่ร้อน
4. ขณะที่โรยยาดำ ให้คนยาดำไปด้วย
5. ยาดำ เมื่อโดนความร้อน จะเกิดควันสีขาว ระวังอย่าใช้ไฟแรง เพราะจะทำให้ไหม้
6. เมื่อยาดำจับตัวเป็นก้อน แล้วให้ตักออก
7. ยาดำที่ได้จากการสะตุ จะมีความเงาลดลง จับตัวเป็นก้อน น้ำหนักเบา
ยาดำ ใช้เป็นยาถ่าย ยาดำขนาด 0.25 กรัม เท่ากับ 250 มิลลิกรัม (ขนาดรับประทานเท่า 1 เมล็ดถั่วเขียว) ยานี้ทำให้เกิดอาการไซ้ท้อง
ในตำรายาไทยก่อนจะนำยาดำไปใ
อ่านเพิ่มเติมเรื่องยาดำ http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=112
ข้อมูลอ้างอิง
เอกสารขั้นตอนการสะตุยาดำ จาก www.samunpri.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น